กระต่าย กับความเชื่อที่มาของสัตว์แห่งโชค


feature-image_singlepost-กระต่าย กับความเชื่อที่มาของสัตว์แห่งโชค

ทำไมมนุษญ์ถึงทำกับสัตว์ตัวเล็กน่ารัก ขนปุกปุย แบบกระต่ายได้ลงคอ TT หลายคนในที่นี้อาจจะยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของมนุษย์เรานั้น ต้องแลกมาด้วยชีวิตของสัตว์มากมายที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ และแทบไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับความสวยงามของเราสักนิด และหนึ่งในสัตว์ทดลองเหล่านั้นก็คือ กระต่าย สัตว์เลี้ยงของใครหลาย ๆ คน

short film save Ralph

Haihuayonline เลยขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการรณรงค์ให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ ทุกคน หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการนำสัตว์มาใช้ทดลอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครสละชีวิต เพื่อความสวยของเรานั่นเอง นอกจากนี้วันนี้เราก็ยังมีสาระดี ๆ เกี่ยวกับน้องกระต่ายมาฝากทุกคนกันด้วย นั่นคือ ความเชื่อเกี่ยวกับกระต่าย ที่เขาว่าเป็นสัตว์นำโชค มาตั้งแต่โบราณกาล

ตำนาน ที่มาความเชื่อเกี่ยวกับกระต่าย ของประเทศต่าง ๆ

กระต่ายผู้ถวายชีวิต สสปัณฑิตชาดก

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อครั้งพระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่าย ท่านได้มีสหายอยู่ 4 คน ได้แก่  ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง 4 ตัวนี้เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอ มีอยู่วันหนึ่งมองไปที่ดวงจันทร์และรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันพระ เลยบอกกับเพื่อน ๆ ว่า … " วันพรุ่งนี้ พวกเราจงพากันรักษาศีล ให้ทานเถิด เพราะมีผลบุญกุศลมาก ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมอาหารไว้แบ่งปันคนขอทานเถิด" 

สสปัณฑิตชาดก

เพื่อน ๆ ของกระต่ายนั้นก็ได้ออกหาอาหารมาตุนไว้ แต่กระต่ายไม่มีเสบียงอะไรเลย ตั้งใจว่าถ้าใครมาขอทาน ขออาหารก็จะเอาเนื้อตัวเองนี่แหละให้ พระอินทร์ก็เลยอยากลงมาทดสอบศีลของสัตว์ทั้ง 4 ว่าจะเป็นดังที่พูดไหม เลยปลอมตัวเป็นพรานลงมาขออาหาร ปรากฎว่าพอถึงทีของกระต่ายก็ให้เนื้อตนเองเป็นอาหารสำหรับท้าวสักกะจริง ๆ

และด้วยคุณความดีของกระต่ายนี่เอง ท้าวสักกะเลยอยากให้ชาวโลกได้รับรู้จึงเขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ คือผู้ถือกระต่าย ฮินดู

ในภาษาสันสกฤษคำว่า "ศศะ" หมายถึง "กระต่ายป่า" เมื่อนำมารวมกับคำว่า "อินทร์" จะกลายเป็นคำว่า "ศศิน" แปลว่า ซึ่งมีกระต่ายอยู่ ก็คือดวงจันทร์นั่นเอง นอกจากนี้เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ในสมัยก่อนยังมีฉายาว่า ผู้ถือกระต่าย อีกด้วย

ดังนั้นจากคำภาษาสันสกฤษข้างต้น เราจึงสังเกตได้ว่า คนอินเดียโบราณก็มองว่า กระต่ายกับพระจันทร์นั้นมีความเกี่ยวข้องกัน เห็นได้จากรูปศัพท์ที่ค่อนข้างมีความคลายคลึงกัน

กระต่าย ตำยาแก้พิษ บนดวงจันทร์ จีน

คนจีนสมัยก่อนมองว่ากระต่ายนั้นอยู่บนพระจันทร์ตั้งแต่แรกแล้ว และมีการผูกตำนานกระต่ายไว้กับวันไหว้พระจันทร์ เรื่องมีอยู่ว่างพระเทวีฉ่างเอ๋อ ได้กินยาอายุวัฒนะและลอยไปอยู่บนดวงจันทร์ และได้อาเจียนออกมาเป็นกระต่ายสีขาว เพรา ในภาษาจีนกลางคำว่า "กระต่าย" ออกเสียงว่า "ทู่" และภาษาจีนเต้จิ๋วออกเสียงว่า "โถ" จึงไปพ้องกับคำว่า "อาเจียน" นั่นเอง โดยกระต่ายเหล่านี้ก็ได้ไปตำยาทิพย์จากต้นกุ้ยฮวาให้พระเทวีฉ่างเอ๋อ เราก็เลยเห็นภาพพระต่ายเกิดขึ้นในจีนมาตั้งแต่โบราณ

พระนางฉ่างเอ๋อ อุ้มกระต่าย

และแน่นอนว่าความเชื่อเกี่ยวกับกระต่ายของจีนนั้น คล้าย ๆ กับอินเดียตรงที่เกี่ยวกับยาอายุวัฒนะ ดังนั้น รูปกระต่ายสำหรับชาวจีนจึงสื่อถึงความยั่งยืน สุขภาพที่ดี ความสดใสและอ่อนเยาว์ และยังมีการให้ความหมายของกระต่ายแต่ละสี ดังนี้

  • กระต่ายสีแดง เป็นสัตว์วิเศษของเทพเจ้า
  • กระต่ายสีขาว หมายถึง โชคดี ฟ้าดินเป็นใจ

กระต่าย สัญลักษณ์ของความโชคดี ปลอดภัย สำเร็จ ญี่ปุ่น

ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ากระต่ายอยู่บนดวงจันทร์ และเมื่อถึงช่วงเทศกาลชมจันทร์ กระต่ายพวกนี้ก็จะถือสากตำขนมโมจิอยู่บนนั้น กระต่ายจึงถือเป็นสัตว์มงคลของญี่ปุ่น ความหมายของกระต่ายก็คือ ความโชคดี การรอดพ้นจากภัยพิบัติ ความสำเร็จ โดยความหมายเหล่านี้ได้มาจาก

ขนมโมจี คืออะไร

ขนมโมจิ หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า วากาชิ เป็นขนมญี่ปุ่นโบราณที่ทำมาแล้วกว่า 100 ปี ส่วนผสมหลัก ๆ ของขนมชนิดนี้คือข้าวเหนียว

กระต่ายสองตัวบนดวงจันทร์
  • กระต่ายมีตัวอักษรคันจิ 兎 ซึ่งคล้ายกับ 免(まぬが)れる (มะนุกะเระรุ) ซึ่งสื่อความหมายในด้านการรอดพ้นจากโชคร้ายและภัยพิบัติ
  • หูยาวของกระต่าย เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี รอบคอบ เพราะกระต่ายนั้นสามารถรับรู้ภัยพิบัติได้รอบด้าน
  • ขาหลังของกระต่าย เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไวและรวดเร็ว ดังสำนวนที่คนญี่ปุ่นใช้คือ “กระต่ายปีนขึ้นทางชัน”

นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นเครื่องรางในการขอลูกอีกด้วย เพราะใน 1 ปี กระต่ายออกลูกได้ 2-3 ครั้ง รวมไปถึงวาดภาพกระต่ายบน จานชาม ตะเกียบ และนำไปเป็นสัตว์ของเทพตามศาลเจ้า

ขอบคุณตัวอย่างภาพวีดิโอจาก Save Ralph – A short film with Taika Waititi

สรุปส่งท้าย

จะเห็นได้ว่ากระต่ายนั้นเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตของมนุษย์มาหลายร้อยปีแล้ว เริ่มจากผ่านความเชื่อและตำนานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิทานชาดก ปกรนัม พิธีไหว้พระจันทร์ของจีน เทศกาลดูพระจันทร์ของญี่ปุ่น ซึ่งทุกวันนี้สิ่งเหล่านี้ก็ยังหยั่งรากฝังลึกอยู่ในสังคมของประเทศนั้น ๆ อยู่ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มีการปรับให้เข้ากับสภาพสังคมและโลกที่เปลี่ยนแปลงไปให้มากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นสิ่งสวยงามและควรค่าแก่การรักษาเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง

สุดท้ายก่อนจากกันไปก็อยากฝากแฟนคลับทุกคนไว้เหมือนตอนต้นเลยว่า… หันไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการทดลองด้วยสัตว์กันเถอะ น้องกระต่ายของเราจะได้ไปวิ่งเล่นในทุกหญ้าอย่างที่ควรจะเป็น และจะได้มีใครต้องมาสละชีวิต เพื่อให้เราดูสวยดูหล่อ ส่วนใครที่อยากได้ เลขเด็ดออนไลน์ แม่น ๆ ก็อย่าลืมแวะมาที่เว็บไซต์ของเราบ่อย ๆ นะจ๊ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง